เขียนโดย: Nun

วันที่โพส 01/04/2021

เรื่องเล่า FIELD TRIP RE-CU SENIOR # 62 เราได้จัดให้เดินทางศึกษาดูงานโครงการตัวอย่างที่เมืองโคโม และเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ทำไม 2 เมืองนี้จึงเป็นเมืองยอดนิยมทั้งกับชาวอิตาลีและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

 

ทริปนี้เราได้นำผู้เข้าอบรมเดินทางตรงไปยังเมืองแบร์กาโม เพื่อดูตัวอย่างเมืองเก่าที่มีการจัดวางผังเมืองได้เป็นอย่างดี ตัวเมืองตั้งอยู่บนเขาซึ่งเราต้องนั่งรถรางขึ้นไปยังเมืองนี้ เมืองแบร์กาโมเป็นเมืองที่อยู่ในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ราว 40 กิโลเมตรของตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองมิลาน แบร์กาโมมีประชากรประมาณ 121,000 คน ในปัจจุบัน แบร์กาโมเป็นเมืองทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุโรปแบบย้อนยุคสมัยตอนกลาง ซึ่งการวางผังเมืองและการออกแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะยุคกลาง และยุคเรเนสซองส์ไว้ด้วยกัน มีการวางผังเมืองโดยยึดการอนุรักษ์เขตเมืองเก่าไว้อย่างมีระเบียบ ยังคงเก็บรักษาร่องรอยประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์เมืองเก่าไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและนำไปพัฒนาปรับให้สอดคล้องกับปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะจุดสำคัญ กำแพงเมืองโบราณ หรือ VENETIAN WALLS ที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึกในอดีต และยังจัดเก็บให้เห็นในสภาพที่สมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงโบสถ์เก่าที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ยังเก็บรักษาไว้ได้สวยงาม และเล่าเรื่องราวของความเป็นมาในยุคอดีตถึงปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

 

หลังจากนั้นเราเดินทางเข้าสู่เมืองโคโม เมืองแห่งใบไม้เปลี่ยนสี ตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี อยู่ติดชายแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเมืองนี้นับว่าเป็นเมืองที่อากาศดีที่สุดอีกเมืองหนึ่งเลยทีเดียวที่ทำให้คนอิตาลี และนักท่องเที่ยวต่างจัดอันดับให้ว่าเป็นเมืองตากอากาศที่สวยที่สุด และมีชื่อเสียงมากที่สุดในอันดับต้นๆ ของประเทศอิตาลี เมืองโคโมยังมีทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี รองจากทะเลสาบการ์ดาและทะเลสาบมัจจอเร ชื่อทะเลสาบโคโม (LAKE COMO) มีรูปร่างเหมือนตัว Y กลับหัว ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโคโม โดยมีความยาวรอบทะเลสาบถึง 160 เมตรเลยทีเดียว มีพื้นที่โดยรอบประมาณ 146 ตารางกิโลเมตร ที่สามารถชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติ และเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีอย่างเทือกเขาแอลป์ได้อีกด้วย เมืองโคโมคือหนึ่งในจำนวนเมืองมากมายที่ตั้งรายล้อมทะเลสาบแห่งนี้ และยังอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเมืองมิลาน และอาหารที่ขึ้นชื่อใครมาก็ต้องทานคือ PIZZA และ GELATO คือ ไอศกรีม ที่ใครมาต่างก็ต้องมาลองชิมกัน

 

หลังจากที่เราได้ชมเมืองโคโมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งระหว่างทางกลับเข้าเมืองมิลาน เราได้พาแวะเยี่ยม ชมโครงการเมืองใหม่ของเมืองมิลาน ชื่อโครงการ CITYLIFE DISTRICT ประกอบไปด้วยอาคารที่พักอาศัย อพาร์ทเม้นท์ สำนักงานโรงเรียน โรงพยาบาล และช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ซึ่งออกแบบโดย ZAHA HADID สถาปนิกหญิงระดับโลก ผู้ที่ได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งเส้นโค้ง”  ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ผู้คนที่เข้าไปสัมผัสได้เห็นถึงแนวคิดในการออกแบบโดยใช้เส้นโค้งได้อย่างกลมกลืน สวยงาม คลาสสิคและร่วมสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ แม้กระทั่งหลังคาโครงสร้างของการออกแบบช้อปปิ้งมอล์ล และคอนโดมิเนียม ยังแสดงออกถึงการออกแบบร่วมสมัยได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองมิลานได้เลยทีเดียว เมืองใหม่แห่งนี้อยู่ใกล้ๆ ตัวเมืองมิลาน สามารถนั่งรถไฟใต้ดินเพียง 20 นาที หรือเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถสาธารณะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

 

หลังจากที่เราดูเมืองใหม่ CITYLIFT DISTRICT เรียบร้อยแล้ว เราได้พาไปเยี่ยมชมโครงการที่ได้รับรางวัล “INTERNATIONAL HIGHRISE AWARD” ในปี 2514 ชื่อโครงการ “BOSCO VERTICAL” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่จัดว่าสวยงาม รอบตึกมีสีเขียวปกคลุมทั้งตึก ซึ่งตั้งอยู่ใกลัศูนย์กลางของเมืองมิลาน ซึ่งเป็นหนึ่งในตึกระฟ้าที่น่าสนใจที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง “THE VERTICAL FOREST” เป็นส่วนหนึ่งของ PORTA NUOVA โครงการฟื้นฟูเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ดำเนินการเรียบร้อยก่อนงาน MILAN EXPO 2015 อีกด้วย

 

ซึ่งโครงการดังกล่าว ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง “STEFALNO BOERI, GIANANDREA BARRECA” และ “GIOVANNI LA VARRA” โดยการออกแบบมุ่งเน้นให้ตัวอาคารสามารถมองเห็นวิวทิศทัศน์ของเมืองรอบทิศทางได้ทั้งหมด โครงการนี้มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของ PORTA NUOVA (ประมาณ 160,000 ตารางเมตร) ประกอบด้วยป่าแนวตั้ง สวน PORTA NUOVA, สวน DE CASTILLIA DELL’ISOLA จัตุรัส GAE AULENTI ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอาร์เจนตินา CESAR PELLI ซึ่งตึกนี้ชนะเลิศด้านรางวัลนานาชาติตึกสูง “RISE AWARD” เป็นการประกวดระดับนานาชาติทุกๆ 2 ปี ที่มอบรางวัลให้สำหรับตึกระฟ้าที่สวยงามและมีความทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งรางวัลนี้มอบโดย “พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมแฟรงก์เฟิร์ต” ประเทศเยอรมัน

 

ต่อจากนั้นเราขึ้นไปชมตึก “UNICREDIT” ซึ่งอาคารนี้เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศอิตาลี สร้างขึ้นในปี 2009 อาคารนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก ชื่อ “CE’SAR PELLI” อาคารนี้เป็นสำนักงานใหญ่ของ UNICREDIT ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างที่อยู่อาศัย และเป็นอาคารที่ทำธุรกรรมทางด้านเกี่ยวกับการเงิน การลงทุนเป็นหลัก ส่วนที่เรานำขึ้นไปเยี่ยมชมนั้นเป็นชั้นบนของตึกที่ให้ทำให้เห็นการออกแบบโครงสร้างของตึกนี้ และเห็นการวางผังเมืองรอบๆ เมือง มิลานอีกด้วย หลังจากนั้นเราได้แวะเยี่ยมชมการออกแบบห้อง CO-WORKING SPACE ซึ่งเป็นห้องทำงานสวนรวม ซึ่งถือว่าเป็น OFFICE ส่วนหนึ่งของอาคารนี้ การออกแบบจัดวางได้อย่างลงตัวเหมาะสมกับสำนักงานตัวอย่าง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ไม่มีอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ใดใดให้เห็นเลยแม้แต่สักชิ้นเดียว ซึ่งในการทำงานที่ส่วนนี้ใครมาถึงก่อนนั่งทำงานตรงไหนในสำนักงานได้ก่อนเลย โดยไม่มีการจัดวางเทคโนโลยีสนับสนุนแต่อย่างใดเลย แต่สามารถทำงานเชื่อมต่อได้กับทุกแผนกทุกส่วนงานได้อย่างรวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย ตลอดจนทั้งส่วนของ CO-WORKING SPACE ชั้นนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเห็นเมืองและบรรยากาศรอบๆ เมือง ได้ไกลถึงโบสถ์ DUOMO ซึ่งเป็น LANDMARK สำคัญของประเทศอิตาลีอีกด้วย

 

หลังจากนั้นเราเข้าใจกลางเมืองมิลาน (MILAN) หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่า “มิลาโน่ (MILANO)” เป็นเมืองหลวงทางด้านแฟชั่นของโลก และเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของอิตาลี มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่า “ดูโอโม่ (DUOMO)” ชื่อนี้ไว้ใช้เรียกมหาวิหารประจำเมือง แทบจะมีดูโอโม่ทุกเมืองที่สำคัญๆ เลย น่าจะเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของคนในเมือง ดูโอโม่ที่เมืองนี้สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ยอดที่สูงที่สุดประดับด้วยรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตร หุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ มีชื่อเรียกว่า “มาดอนนิน่า (MADONNINA)” ภายในมหาวิหารดูเรียบง่าย แต่โอ่อ่ากว้างขวาง ตามแบบโกธิก ด้านหน้ามหาวิหารจะเป็นลานกว้าง เรียกว่า “ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ (PIAZZA DEL DOUMO)” เป็นศูนย์กลาง เป็นแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย และสุดท้ายเราแนะนำให้เข้าชมห้างสรรพสินค้า “LA RINASCENTE” ห้างหรูที่เมืองมิลาน ที่มีเซ็นทรัลกรุ๊ปเป็นเจ้าของ โดยเจาะกลุ่มไฮเอนด์ ตั้งเป้าหมายให้เป็น HISTORICAL & LUXURY DEPARTMENT STORE ขณะนี้มีถึง 11 สาขาในอิตาลีตามเมืองต่างๆ แต่ละแห่งจะมีลักษณะ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นต่างกัน ห้างนี้ได้รับการขนานนามให้เป็น 1 ใน 13 ห้างสรรพสินค้าของโลกที่ทุกคนต้องไปเยือนโดย UK BUSINESS INSIDE ซึ่งห้างดังกล่าวนี้ประสบความสำเร็จทางด้านการลงทุนในต่างประเทศและทำให้คนต่างชาติยอมรับให้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศอีกด้วย

 

“REMEMBER THAT HAPPINESS IS A WAY OF TRAVEL–NOT A DESTINATION”– ROY M. GOODMAN

จงจำไว้ว่า ความสุขเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง คงเหมือนการเดินทาง FIELD TRIP ครั้งนี้ที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ มิตรภาพ ความอบอุ่น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเรา แล้วพบกันใหม่ที่ RE-CU SENIOR รุ่นที่ 63 นะคะ ครั้งหน้าเราจะไปดูเมืองเก่า โรงแรมในถ้ำ และดูบอลลูนที่ ตุรกี กัน!!!